โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือ Thailand 4.0 เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดประโยชน์และการนำวัสดุเหลือใช้มาทำโครงการ ดังนั้นโครงการได้จัดทำอุปกรณ์สำหรับเตือนภัยผู้พิการทางสายตา เวลาเดินขึ้นอาคารหรือเข้าห้องน้ำ เพื่อไม่ให้ผู้พิการทางสายตาได้รับอุบัติเหตุในการเดิน ทางคณะผู้จัดทำโครงการจึงได้เลือกพื้นที่ในการทดลองโครงการได้แก่ ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยโครงการดังกล่าว มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 2,200 บาท และระยะเวลาในการดำเนินโครงการทั้งสิ้นเป็นเวลา 19 วัน (เดือนพฤศจิกายน 2559)
หลักการและเหตุผล
ถ้ามองจากยุคปัจจุบันสังคมไทยเริ่มก้าวเข้าสูงยุคสังคมผู้สูงอายุที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะรัฐบาลที่จะต้องดูแลในเรื่องของเงินสนับสนุนให้กับผู้สูงอายุ แต่ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งต้องการได้รับความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนจากรัฐบาลและเอกชนที่จะสามารถพัฒนาสมรรถภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจรวมไปถึงเวทีการแสดงออกของกลุ่มคนกลุ่มนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านสิทธิ,เสรีภาพและความเสมอภาคในสังคมไทยเพราะปัจจุบันสังคมไทยมีการพบคนที่เห็นแก่ตัวเป็นจำนวนมากในการใช้บริการสาธารณะหรือการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะปัจจุบันสังคมไทยมีทั้งผู้ที่มีฐานะระดับสูงเป็นจำนวนมากและผู้ที่อยู่ในฐานะระดับกลางอยู่ที่ปานกลางถึงมากจึงทำให้เกิดผลกระทบแก่ผู้ที่มีรายได้น้อยหรือคนกลุ่มหนึ่งก็คือผู้พิการที่อาจจะเสียผลประโยชน์น้อยถึงมากในการดำรงชีวิตประจำวันและสิทธิในการศึกษารวมไปถึงสิทธิในการใช้บริการสาธารณะซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอาจจะยังมองข้ามการให้สิทธิการบริการสาธารณะของกลุ่มนี้น้อยกว่าสิทธิในการรักษาและการศึกษาของผู้พิการทางการมองไม่เห็นหรือผู้พิการด้านอื่นๆ
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีผู้พิการทางการมองไม่เห็นที่จำนวน 179,987 คน ซึ่งถ้ามองจากยอดตัวเลขของผู้พิการทางการมองไม่เห็นนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มากพอสมควร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้บริการสาธารณะในการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยอันตรายแก่กลุ่มผู้พิการทางสายตามากพอสมควรเพราะในประเทศไทยมีถนนทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ ที่มีรถสัญจรเป็นจำนวนมากซึ่งตามทางข้ามถนนหรือทางม้าลายมีเพียงแค่สัญลักษณ์ไฟจราจรสำหรับผู้ที่เดินทางเท้าที่บุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถมองเห็นและปฏิบัติตามกฎการใช้บริการสาธารณะได้อย่างถูกต้องแต่ถ้ามองในด้านส่วนรวมในบริเวณการบริการของสาธารณะเช่น ทางม้าลายที่มีแต่สัญลักษณ์หรือสัญญาณไฟจราจรสำหรับบุคคลธรรมดาแต่ในขณะเดียวมีผู้พิการทางสายตาจะข้ามถนนดังกล่าวเขาจะปฏิบัติหรือข้ามถนนอย่างไร นี้จึงเป็นสาเหตุในการทำโครงการดังกล่าวเพื่อลดอุบัติเหตุหรือภัยอันตรายแก่ผู้พิการทางสายตาที่เขาสามารถใช้บริการสาธารณะได้อย่างปลอดภัย
ด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม
จากสภาพแดล้อมตามถนนและบนทางเท้าในสังคมไทยยังพบเจอบุคคลธรรมดาที่เห็นแก่ตัวเป็นจำนวนมาก-น้อย ในการไม่คำนึงนึกผู้อื่นในการใช้บริการสาธารณะ สำหรับในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น มีการสร้างหรือปูกระเบื้องเป็นหลายในการนำทางหรือเป็นเครื่องช่วยผู้พิการทางสายตาได้อย่างปลอดภัย เป็นต้น
ด้านเทคโนโลยีและการพัฒนา
สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นก็ได้หันมาดำเนินการเกี่ยวกับการทำเทคโนโลยีในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตาในการใช้บริการสาธารณะ เช่น ทางข้ามถนนทางม้าลายหรือแยกสัญญาณไฟจราจร และ ป้ายรถเมล์ เป็นต้น ส่วนเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเครื่องที่ไว้ใช้ปฏิบัติกับผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ เมื่อผู้พิการทางสายตาเดินมาอยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวก็จะสามารถกดปุ่มสัญญาณเพื่อส่งสัญญาณให้รถที่วิ่งอยู่บนถนนหยุดเพื่อให้ผู้พิการทางสายตาเดินข้ามถนนได้อย่างปลอดภัยเพราะเครื่องดังกล่าวจะมีเสียงนำทางในการพาผู้พิการไปอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย เป็นต้น
ดังนั้นโครงการสัญญาณจึงให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุหรือภัยอันตรายแก่ผู้พิการทางสายตาด้วยการสร้างพื้นที่ที่ให้ผู้พิการทางสายตาสามารถรับรู้และสัมผัสได้เมื่อเขาเดินเหยียบเขาก็จะรับรู้ได้ว่าพื้นที่ที่เขาเหยีบอยู่นั้นเป็นพื้นที่อันตรายหรือเขาๆไม่สามารเดินไปด้วยตนเองได้โดยพื้นที่ดังกล่าวจะใช้พรมใยกันลื่นขนาด 80x120 และมีพลาสติกกันกระแทกวางอยู่ด้านล่างเป็นพื้น เมื่อพื้นที่ดังกล่าวถูกเหยียบหรือกดทับก็จะเกิดเสียงดังขึ้นของพลาสติกกันกระแทกโดยที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ Thailand 4.0 พยายามเน้นการใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำโครงการต่างๆทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยโครงการสัญญาณของเราจะดำเนินการตามทางม้าลายในบริเวณซอยขนาดเล็กหรือตามแยกสัญญาณไฟแดงที่มีผู้พิการทางสายตาต้องข้ามถนนบ่อยๆเช่น หน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้พิการทางสายตาที่มาทำธุระที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และบริเวณสะพานลอยหน้าโรงเรียนศรีสังวาลย์ ปากเกร็ด ที่มีเด็กพิการหรือผู้พิการทางสายตาจำนวนมาก รวมไปถึงป้ายรถเมล์ในเขตชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วัตถุประสงค์
1. เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและอันตรายแก่ผู้พิการทางสายตา
2. เพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ Thailand 4.0
3. เพื่อเป็นโครงการนำล่องในด้านการให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตาในการใช้บริการสาธารณะในอนาคต
เป้าหมาย
1. ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้พิการทางสายตาบริเวณการใช้บริการสาธารณะบริเวณทางม้าลายและป้ายรถเมล์ อื่นๆ
2. การเป็นสังคมที่มีความเท่าเทียมกันในการใช้บริการสาธารณะทั้งบุคคลธรรมดาทั่วไปกับผู้พิการทางสายตา
3. การสร้างวัฒนธรรมการเป็นเมืองที่น่าอยู่ร่วมกัน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้รับการพัฒนาและเป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนาบริการสาธารณะแก่ผู้พิการทางสายตา อื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ
2.ผู้พิการทางสายตาสามารถแยกแยะระหว่างพื้นที่ปลอดภัยกับพื้นที่อันตรายได้ด้วยตนเอง
3.โครงการหรือสินค้าบริการสาธารณะหันมาให้ความสำคัญกับผู้พิการทางสาย อื่นๆ มากขึ้น
วิธีการดำเนินงาน
1.ค้นหาร่วมกันแสดงออกความคิดเห็นในการมองหาปัญหาในสังคม
2.คัดเลือกปัญหาด้วยศักยภาพของกลุ่ม
3.วางแผนโครงการ 2 โครงการ
3.1 โครงการหลัก
3.2 โครงการสำรอง
4.ทดสอบการทำโครงการหลัก / หาแนวทางแก้ปัญหาโครงการสำรอง
5.วิเคราะห์ศักยภาพกับผลของการทดสอบโครงการด้านศักยภาพและกายภาพสิ่งแวดล้อม
6.ลงพื้นที่สำรวจปัญหาและความต้องการในการทำโครงการ
7.ติดต่อสอบถามกับสถานที่ทำโครงการ
8.จัดแบ่งสมาชิกในการตรวจสอบพื้นที่ดำเนินโครงการและการจัดหาอุปกรณ์
9.ลงมือทำโดยมีผู้ควบคุมที่ชัดเจน
10.ทดสอบ/ตรวจสอบสภาพโครงการ
11.ประเมินผลจากผู้พิการทางสายตา
12.วิเคราะห์ความสมบูรณ์ของโครงการและสรุปการดำเนินโครงการ
งบประมาณ
1.พรมกันลื่น PVC ยาว 6 เมตร เมตรละ 299 บาท
2.น็อต 100 บาท
3.พุ ยึดน็อต 80 บาท
ระยะเวลาการดำเนินโตรงการ
- 19 วัน ( เดือนพฤศจิกายน 2559 )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
นักศึกษาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 กลุ่มเรียน 001 (กลุ่มโครงการแสงสว่างเพื่อผู้พิการทางสายตา )
แผนการปฏิบัติงาน
บทที่ 2 การดำเนินโครงการ
1.ค้นหาร่วมกันแสดงออกความคิดเห็นในการมองหาปัญหาในสังคม
โดยทางคณะผู้จัดทำได้มองเห็นความเท่าเทียมในการใช้บริการสาธารณะระหว่างผู้พิการกับประชนชนธรรมดา
2.วางแผนโครงการ
2.1โครงการหลัก
โครงการหลัก คือ ทางคณะผู้จัดทำได้คิดการติดตั้งแผ่นกระเบื้องที่สามารถเป็นสัญญาณในการเดินทางของผู้พิการทางสายตาได้อย่างปลอดภัยโดยการเลือกใช้ กระเบื้องทีมีลักษณะทีมีลวดลายหรือสิ่งทีเขาสามารถสัมผัสได้ว่านี้คือทางเดินสำหรับผู้พิการทางสายตา และได้จัดทำตัวอักษรให้กับประชาชนทั่วไปในการใช้บริการสาธารณะ เช่น บันไดเลื่อน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและคำนึงถึงผู้อื่นที่มีธุระเร่งด่วนรวมไปถึงการขึ้นบันไดเลื่อนสำหรับประชาชนที่ไม่รีบก็ชิดซ้าย เพื่อเว้นช่องฝั่งขวาให้กับผู้ที่มีธุระเร่งด่วน และจนกลายเป็นวัฒนธรรมในการขึ้นบันไดเลื่อนของสังคมไทย
2.2 โครงการสำรอง
โครงการสำรอง คือ เป็นโครงการที่คณะผู้จัดทำได้คิดสำรองไว้ล่วงหน้าหากโครงการไม่สามารถดำเนินการได้โดยการยึดหลักยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือ Thailand 4.0 เหมือนโครงการหลักและยังยึดเป้าหมายเดิมคือผู้พิการทางสายตา แต่โครงการสำรองจะเป็นการจัดทำอุปกรณ์สำหรับเตือนภัยผู้พิการทางสายตาโดยใช้วัสดุเหลือใช้มาทำโครงการ เช่น ขวดน้ำ เป็นต้น
4.วิเคราะห์ศักยภาพกับผลของการทดสอบโครงการด้านศักยภาพและกายภาพสิ่งแวดล้อม
ทางคณะผู้จัดทำได้วิเคราะห์สำหรับการเลือกโครงการโดยดูจากกายภาพสิ่งแวดล้อมและระยะเวลาความแข็งแรงทดทานของตัวโครงการ
สรุป ทางคณะผู้จัดทำได้เลือกที่จะดำเนินการโครงการสำรอง เพราะตัวโครงหรืออุปกรณ์มีระยะเวลาในการใช้งานที่นานกว่าและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์เหลือใช้เพื่อลดค่าใช้จ่าย ในโครงการหลักค่อนข้างจะดำเนินการได้ยากเพราะพื้นที่เป็นพื้นที่สาธารณะซึ่งยากต่อการติดต่อและการดำเนินโครงการ ทางคณะผู้จัดทำจึงได้เลือกดำเนินโครงการสำรองเพื่อความสะดวกและให้เหมาะสมกับเวลาในการดำเนินโครงการมากที่สุด
5.ลงพื้นที่สำรวจปัญหาและความต้องการในการทำโครงการ
คณะผู้จัดทำได้ลงพื้นที่สำหรับการดำเนินโครงการสำรอง คือ ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอด และมีการสอบถามถึงความต้องการของผู้พิการทางสายตาว่าบริเวณตรงไหนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสำหรับผู้พิการทางสายตามากที่สุด เพื่อให้ได้ข้อมูลและการมาปรับใช้กับโครงการสำรอง
6.ติดต่อสอบถามกับสถานที่ทำโครงการ
สาเหตุที่ต้องติดต่อหลังการสำรวจ เพราะทางคณะผู้จัดทำยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการโครงการที่ใด ซึ่งทางคณะผู้จัดทำโครงการก็เลือก ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
7.จัดแบ่งสมาชิกในการตรวจสอบพื้นที่ดำเนินโครงการและจัดหาอุปกรณ์
8.ลงมือทำโดยมีผู้ควบคุมที่ชัดเจน
โดยทางศูนย์ได้จัด อาจารย์มาควบคุมดูแลและช่วยแนะนำในการติดตั้ง
8.1ลงมือทำ
9.ทดสอบ / ตรวจสอบโครงการ
บริเวณด้านหน้าอาคาร
บริเวณหน้าห้องน้ำ
10.ประเมินผลจากผู้พิการทางสายตา
ทางคณะผู้จัดทำได้ประเมินผลการทดลองจากการให้ผู้พิการทางสายตาได้ทดลองใช้และการสังเกตพฤติกรรมขณะเดินถึงบริเวณอุปกรณ์
11.วิเคราะห์ความสมบูรณ์ของโครงการและสรุปการดำเนินโครงการ
ทางคณะผู้จัดทำได้วิเคราะห์ความแข็งแรงและทดทานของอุปกรณ์ในระยะเวลาการใช้งานว่าจะสามารถใช้ได้ในระยะเวลา 1ปี ครึ่ง - 2 ปี และการพัฒนาต่อไปในอนาคต
บทที่ 3 ผลการดำเนินงาน
บริเวณด้านหน้าอาคาร
จากการทดลองและสังเกตพบว่าเมื่อผู้พิการทางสายตาเดินมาถึงบริเวณพื้นที่อุปกรณ์ก็สามารถช่วยเหลือตนเองได้เบื้องต้น เพราะผู้พิการทางสายตาสามารถรับรู้และเข้าใจได้ว่าตนอยู่ในพื้นที่อันตรายและตนควรปฏิบัติอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากก่อนการทำโครงการเมื่อผู้พิการทางสายตาเดินมาถึงบริเวณดังกล่าวก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะอย่างไรและบางคนก็เดินเลยบริเวณทางขึ้นอาคารไปเพราะไม่มีวัตถุที่ให้ผู้พิการทางสายตารับรู้และสัมผัสได้
จากการทดลองทางคณะผู้จัดทำก็พบว่าผู้พิการทางสายตา 3-4 คน ในการทดลองจาก 5 คน สามารถรับรู้และปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของโครงการได้ดี
ทางคณะผู้จัดทำโครงการต้องขอขอบคุณศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอดที่เปิดโอกาสให้กับทางคณะผู้จัดทำโครงการได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ตามเป้าหมายของทางคณะผู้จัดทำโครงการ
บทที่ 4 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
4.1การประเมินผลความสำเร็จโครงการ
4.1.1 ใช้การสังเกต
หลังจากการติดตั้งอุปกรณ์พบว่าผู้พิการทางสายตาสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะเบื้องต้น เช่น การก้าวขึ้นบันได การเดินเข้าห้องน้ำ เป็นต้น
ดังนั้นอุปกรณ์หรือโครงการดังกล่าวสามารถทำให้คนพิการทางสายตาได้อย่างสะดวกและปลอดภัยในบริเวรดังกล่าว หลังจากที่ติดตั้งอุปกรณ์พบว่า ผู้พิการทางสายตาหรือบุคลากรมีความพึงพอใจในระดับนึงกับโครงการดังกล่าว
4.1.2 การทดสอบ
ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์ ก็ได้ให้ผู้พิการทางสายตาได้ทดลองเดินในพื้นบริเวณที่ติดตั้งอุปกรณ์ว่ามีความพอใจหรือเกิดการกลัว
จากการทดลองพบว่า ผู้พิการทางสายตาสามารถรู้และเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว จากผู้ทดลอง 5 คนสามารถเข้าใจในการใช้อุปกรณ์หรือการหัดเดินจากอุปกรณ์ได้ 3-4 คน
4.2การบรรลุวัตถุประสงค์
จากโครงการดังกล่าวสามารถช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถรับรู้และสัมผัสได้ในการเดินอย่างปลอดภัยและอาศัยอุปกรณ์จากโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้โครงการดังกล่าว ยังสามารถเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ จะพูดได้ว่าโครงการดังกล่าวยึดหลัก Thailand 4.0 ในการดำเนินโครงการ โดยมีการประดิษฐ์นวัตกรรมขึ้นมาใหม่ โดย
เน้นการเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ความยั่งยืนโดยโครงการได้นำหลังเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เช่น การนำวัสดุอุปกรณ์จาก กองขยะ ได้แก่ ขวดน้ำ เป็นต้น
ในการนำกลับมาใช้ประโยชน์ให้เกิดความยั่งยืนและประโยชน์เพื่อส่วนรวม ในอนาคตหวังว่าโดยการจะได้รับการพัฒนาและต่อยอดจากหน่วยงานหรือกลุ่มอื่นๆ ในการนำไปพัฒนาเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โดยการได้รับคำเชิญในการไปติดตั้งอุปกรณ์ให้กับเทศบาล เช่น โครงการได้รับข้อเสนอจากเทศบาลนครปากเกร็ดให้ไปติดตั้งในพื้นที่บริเวณตลาดปากเกร็ด เป็นต้น
4.3ปัญหา
4.3.1 ด้านสภาพแวดล้อม
พื้นและบริเวณ ไม่มีความเหมาะสมกับโครงการหลัก ที่ทางคณะจัดทำ เพราะวัสดุอุปกรณ์กับพื้นที่ไม่มีความเหมาะสมกัน
4.3.2 ด้านเทคนิค
อุปกรณ์ที่ติดตั้ง ยังไม่มีชิ้นส่วนประกอบที่สมบูรณ์
4.3.3อุปสรรค ด้านราคาสินค้า 1 อุปกรณ์
อุปกรณ์และวัสดุในแต่ละร้านมีราคาสินค้าที่แตกต่างกัน
4.3.2.1 ด้านการติดต่อ
เนื่องจากทางคณะผู้จัดทำได้เปลี่ยนไปใช้โครงการสำรอง เพื่อสามารถทำให้โครงการสำเร็จไปได้ด้วยดี และ โครงการสำรองแตกต่างจากโครงการหลักคือ ต้องการพื้นเพื่อให้อุปกรณ์มีความแข็งแรงทนทาน จึงจำเป็นจะต้องทำหนังสือเพื่อจัดทำโครงการให้สำเร็จจำก่อให้เกิดความล่าช้าในการทำโครงการ
4.3.2.2 ด้านตัวโครงการ
โครงการหลักมีระยะเวลาในการใช้และมีอุปสรรคในการเปลี่ยนวัสดุ ขณะที่อุปกรณ์ถูกติดตั้งในสถานะแข็งแรง ก็จะล่าช้าในเวลาเปลี่ยนวัสดุที่ทำให้เกิดเสียงขณะถูกกดทับจากการเหยียบ จึงทำให้ทางคณะตัดสินใจเปลี่ยนมาดำเนินการโครงการสำรองที่มีประสิทธิภาพและระยะเวลาของตัวอุปกรณ์นานกว่าโครงการหลัก จึงก่อให้เกิดความล่าช้าในการทำโครงการ
4.4ข้อเสนอแนะ
หวังว่าจะมีหน่อยงานหรือกลุ่มอาสาสมัครนำโครงการดังกล่าวไปต่อยอดหรือสามารถต่อไปโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เป็นต้น
ทางคณะผู้จัดทำโครงการ การพัฒนาโครงการในอนาคตอยากจะให้มีอุปกรณ์ดังกล่าวตามบริเวณสาธารณะ เช่น ทางม้าลาย และ สะพานลอย เป็นต้น เพื่อประโยชน์ละความปลอดภัยของผู้พิการทางสายตาในการใช้บริการสาธารณะ
สุดท้ายทางคณะผู้จัดทำหวังว่าประเทศเพื่อนบ้านและชาวต่างชาติยอมรับและมีการนำไปใช้และพัฒนาต่อไป