เจ้าหน้าที่บ้านเมืองอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวแห่งราชอาณาจักรไทย 2557 ประกาศให้วัดพระธรรมกายจังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่ควบคุมตามประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ตั้งแต่เริ่มต้นวันใหม่ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 จนถึงวันที่เขียนบทความนี้ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 นับได้ 11 วันแล้ว
จุดประสงค์ของการที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมวัดพระธรรมกายครั้งนี้ เพื่อ ค้นหาตัวพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) ที่หลบหนี หมายเรียก หมายจับของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในคดี รับของโจรและฟอกเงิน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่เคยเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย 2 ครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถปฏิบัติการได้สะดวกนักเพราะมักจะถูกลูกศิษย์ลูกหาของผู้ถูกกล่าวหา คอยตั้งกำแพงคน หรือ กำแพงวัตถุเป็นสิ่งกีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เสมอมา ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจึงเข้าควบคุมวัดพระธรรมกายตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติเพื่อความสะดวกของการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั่นเอง
นับตั้งแต่วันที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าควบคุมวัดพระธรรมกาย เพื่อให้ปฏิบัติการบรรลุผลดังที่กล่าวนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งที่เป็นบรรพชิต และคฤหัสถ์ได้พากันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งทางสื่อหลักและสื่ออิสระหรือสื่อทางเลือก ผู้ติดตามข่าวสารสามารถรู้เห็นเหตุการณ์จากพื้นที่ปฏิบัติการอย่างใกล้ชิด ทันอกทันใจทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านการรายงานจาก Facebook live ที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป และโทรทัศน์ กระแสหลักที่รวบรวมและรายงานและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเกาะติดรวดเร็วไม่แพ้กันความฉับไวของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนี้ ทำให้ผู้รับข้อมูลข่าวสารได้รับข้อมูลครบถ้วนรอบด้านและสามารถนำมาวิเคราะห์แยกแยะความจริงและความเท็จออกจากกันได้ง่ายขึ้นสิ่งที่มาพร้อมกันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือ การทำสงครามแบบใหม่ ได้แก่ สงครามข้อมูลข่าวสาร สงครามจิตวิทยา สงครามสื่อ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสาร ชื่อเสียงเกียรติยศของฝ่ายตรงข้าม หรือ ฉกฉวยความได้เปรียบทางข้อมูลข่าวสาร โดยทำให้ภาพพจน์ตัวเองดีขึ้นในสถานการณ์วิกฤตินั้นๆ ด้วยการช่วงชิงการให้ข่าวที่โดดเด่นน่าสนใจหรือเสนอประเด็นใหม่ๆที่เรียกร้องความน่าสนใจได้มากกว่า
เช่น วันเริ่มต้นเข้าค้นหาตัวผู้ต้องหา ทางวัดได้นำเอาภาพพระภิกษุสามเณรที่ออกไปบิณฑบาตแล้วกลับเข้าวัดไม่ได้ ทั้งความเคลื่อนไหวและเสียง เพื่อทำให้คนทั่วไปมองว่า เจ้าหน้าที่ใจร้าย แม้แต่พระจะเข้าวัดก็เข้าไม่ได้ ในทางจิตวิทยาพุทธศาสนิกชนเริ่มรู้สึกไม่ดีกับเจ้าหน้าที่ทันที วันต่อมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ได้พบพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังตบหน้าเจ้าหน้าที่และบอกว่า เป็นผู้หญิงด้วย เมื่อข่าวนี้ออกไปทำให้ฝ่ายวัดพระธรรมกายตกอยู่ในความไม่น่าเชื่อถือทันที เพราะชอบใช้ความรุนแรงและการที่พระตบเจ้าหน้าที่ผู้หญิงนั้นพระถูกปรับอาบัติด้วย นี่ เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยที่ ใช้สื่อเสนอภาพเพื่อทำสงครามกับฝ่ายตรงกันข้าม นอกจากนี้ ยังมีการออกข่าวในเชิงเบี่ยงประเด็นให้ไปสนใจอีกเรื่องหนึ่ง เป็นการเสนอให้คิด เช่น เสนอว่า เจ้าหน้าที่จะมาทำลายพระพุทธศาสนา ขอให้ชาวพุทธที่รักและห่วงใยพระพุทธศาสนาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนาให้มากันที่วัดพระธรรมกายมากๆ หรือ เคลื่อนไหวต้านมาตรา 44 เพราะมาตรานี้ทำลายพระพุทธศาสนา จากการให้ข้อมูลที่เบี่ยงเบนประเด็นเช่นนี้ ทำให้มีชายผู้สูงอายุผูกคอตายประท้วงมาตรา 44 เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อมีคนเสียชีวิต ฝ่ายที่จะทำลายความเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ก็นำข่าวการตายของชายผู้นี้ไปทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายเจ้าหน้าที่อีก
หากประมวลเหตุการณ์ ทุกวันที่ผ่านมาจะพบว่า ฝ่ายวัดพระธรรมกายสามารถฝ่าแนวต้านเจ้าหน้าที่หน้าวัด ใช้สื่อรบกับเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือดเลือดพล่านสามารถจับข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่มาเปิดประเด็นกระตุ้นหรือเร้าใจบรรดาศิษยานุศิษย์ทั่วโลกที่ติดตามข่าวได้ทุกวัน ถ้าจะเปรียบเทียบภาษากีฬาชกมวย 10 ยกที่ผ่านมาทางฝ่ายวัดพระธรรมกายรัวหมัดใส่ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นชุด เจ้าหน้าที่ยึดครองพื้นที่ดินรอบๆวัดพระธรรมกาย 2196 ไร่ แต่ฝ่ายวัดพระธรรมกายยึดพื้นที่สื่อไว้ได้มากกว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่หลายเท่าตัว อาวุธทางข่าวสารที่แต่ละฝ่ายนำมาใช้เพื่อสร้างความเชื่อถือ ค่อนข้างชัด ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่หลงประเด็นยังคงยึดประเด็นหลักว่า การควบคุมวัดพระธรรมกายครั้งนี้เพื่อ ค้นหาตัวพระเทพญาณมหามุนีเท่านั้น ไม่มีเจตนาอย่างอื่น แต่การปฏิบัติการติดตามตัวผู้ถูกกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ขยายเป้าหมายไปมาก จากคราวแรกๆที่เข้ามาค้นตัวผู้ถูกกล่าวหาเพียงคดีเดียว ขยายไปเป็น 300 กว่าคดีในเวลาไม่ถึงปี เรียกว่า เจ้าหน้าทีที่นำโดยดีเอสไอ ปฏิบัติการ ปะ ฉะ ดะ เจอคดีอะไรเล็กๆน้อย เก็บเรียบมิให้เหลือ ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่หลงประเด็นยังคงยึดประเด็นหลักว่า การควบคุมวัดพระธรรมกายครั้งนี้เพื่อ ค้นหาตัวพระเทพญาณมหามุนีเท่านั้น ไม่มีเจตนาอย่างอื่น แต่การปฏิบัติการติดตามตัวผู้ถูกกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ขยายเป้าหมายไปมาก จากคราวแรกๆที่เข้ามาค้นตัวผู้ถูกกล่าวหาเพียงคดีเดียว ขยายไปเป็น 300 กว่าคดีในเวลาไม่ถึงปี เรียกว่า เจ้าหน้าทีที่นำโดยดีเอสไอ ปฏิบัติการ ปะ ฉะ ดะ เจอคดีอะไรเล็กๆน้อย เก็บเรียบมิให้เหลือ
อาวุธหลักทางข้อมูลของฝ่ายวัดพระธรรมกายที่พยายามเสนออกไปเป็นชุดคือ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมุ่งใช้กฎหมายมาทำลายวัดและทำลายพระพุทธศาสนา โดยใช้ตรรกะเสริมว่า เมื่อทำลายวัดพระธรรมกายได้ ก็ทำลายวัดอื่นๆได้ นับเป็นปลุกเร้าให้ชาวพุทธเลือดขึ้นหน้ากันได้ไม่น้อย จากการเสนอประเด็นเรื่องปกป้องพระพุทธศาสนา ปฏิกิริยาตอบรับก็มีมาทั่วทิศพระสงฆ์หลายจังหวัด เข้าใจข้อความที่สื่อแล้วว่า มาตรา 44 คือเครื่องมือทำลาย วัดและทำลายพระพุทธศาสนา จึงรวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือมาถึงนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิกมาตรา 44 โดยเร็ว ความเคลื่อนไหวนี้มีไปทั่วโลกที่มีวัดไทยตั้งอยู่วัดใหญ่ๆหลายวัดในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ทำหนังสือเรียกร้องกันแล้ว ฝ่ายงานข่าวสารของวัดพระธรรมกายทำงานคุมสื่อในกลุ่มของตนอย่างได้ผล ไม่มีใครเลยที่จะเสนอว่า เหล่าศิษยานุศิษย์ ช่วยกันนิมนต์หลวงพ่อเทพญาณมหามุนีมามอบตัวกับทางการเถิดเรื่องจะได้จบกัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ภายในวัดหรืออยู่ส่วนไหนของโลก จะไม่มีความคิดแตกแถวที่เน้นไปถึงการแก้ปัญหาที่สาเหตุ แต่ไปโหมกระหน่ำประเด็นอื่นที่ตนได้เปรียบเชิงข่าวสาร เช่น เสนอข่าวว่า ท่านพระเทพญาณมหามุนีสร้างคนดีมากมาย สร้างวัดใหญ่ให้เป็นศูนย์ชาวพุทธทั่วโลก ฝ่ายงานข่าวสารของวัดพระธรรมกายทำงานคุมสื่อในกลุ่มของตนอย่างได้ผล ไม่มีใครเลยที่จะเสนอว่า เหล่าศิษยานุศิษย์ ช่วยกันนิมนต์หลวงพ่อเทพญาณมหามุนีมามอบตัวกับทางการเถิดเรื่องจะได้จบกัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ภายในวัดหรืออยู่ส่วนไหนของโลก จะไม่มีความคิดแตกแถวที่เน้นไปถึงการแก้ปัญหาที่สาเหตุ แต่ไปโหมกระหน่ำประเด็นอื่นที่ตนได้เปรียบเชิงข่าวสาร เช่น เสนอข่าวว่า ท่านพระเทพญาณมหามุนีสร้างคนดีมากมาย สร้างวัดใหญ่ให้เป็นศูนย์ชาวพุทธทั่วโลก เมื่อมีนักข่าวถามชาววัดพระธรรมกาย ไม่ว่า พระภิกษุสามเณรหรืออุบาสกอุบาสิกาว่า “พระเทพญาณมหามุนีอยู่ที่ไหน” ต่างตอบเหมือนฝังโปรแกรมเดียวกันว่า “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ ไม่พบ อย่ามาถามให้เสียเวลาสวดมนต์ทำสมาธิเลย” ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังยืนยันเงื่อนไขเดิมว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตัว พระเทพญาณมหามุนีมาดำเนินคดีแล้ว หัวหน้า คสช. พร้อมที่จะยกเลิกคำสั่งจากมาตรา 44 ทันที สื่อทั้งกระแสหลักและทางเลือกที่เชียร์รัฐบาลก็เสนอประเด็นนี้อย่างจริงจังอย่างตรงประเด็น แต่ทางวัดพระธรรมกายไม่ยอมเฉียดไกล้เป้าหมาย พยายามเสนอประเด็นใหม่ที่ใหญ่กว่า คือประเด็นพุทธศาสนาถูกทำลายหรือถูกย่ำยีโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมีมาตรา 44 เป็นเครื่องมือ
สงครามสื่อกำลังเป็นไปอย่างเข้มข้นทุกเวลานาที เรียกว่าต้องติดตามกันทุกฝีก้าวแบบไม่กระพริบตา ที่รับข่าวสาร ก็มีเสรีภาพที่จะใช้สติปัญญากลั่นกรองข่าวสารให้ละเอียดได้รับความจริงแล้วสามารถวางทีท่าของตนเองว่า จะยืนอยู่ ณ จุดใด ไม่ตกเป็นเครื่องมือของข่าวที่เข้าไปทำสงครามให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างลืมตัว แต่จงใช้ข่าวมาเป็นเครื่องมือในการค้นหาความจริงที่แฝงอยู่ในแต่ละข่าวนั้น คงจะจบบทความด้วยพระพุทธวจนะว่า “สติ สัพพัตถะ ปัตถิยา แปลว่า สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง” เจ้าหน้าที่และชาววัดพระธรรมกายที่เผชิญหน้ากันอยู่ในภาคสนามก็ตาม นักรบสื่อทั่วภูมิภาคต่างๆของโลกก็ตาม จงใช้สติกลั่นกรองข้อมูลออกมาเป็นปัญญา รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันทุกท่านทุกคนเถิด
ดร. พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 6.15 น.