เศรษฐศาสตร์ ระบบเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจคืออะไร ?
หมายถึง กลุ่มบุคคลของสังคมที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มของสถาบันทางเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งยึดถือแนวปฏิบัติแนวทางเดียวกันในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน คือ อำนวยความสะดวกในการที่จะแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถบำบัดความต้องการให้แก่บุคคลต่างๆที่อยู่ร่วมกันในสังคมนั้นให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยเศรษฐกิจภายใต้กรอบนโยบาย และกฎเกณฑ์เดียวกัน

ระบบเศรษฐกิจมี 3 ประเภท ดังนี้
สังคมนิยม
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐเข้าไปควบคุมการดำเนินกิจกรรมและนโยบายทางเศรษฐกิจ โดยมีจุดมุ่งหมายให้เกิดความยุติธรรมในการกระจายรายได้แก่ประชาชน นอกจากนี้รัฐบาลยังเป็นผู้ตัดสินใจในการแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยมีการวางแผนการดำเนินงานทางเศรษฐกิจจากส่วนกลาง ในระบบเศรษฐกิจแบบนี้ รัฐบาลจะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต วางแผนและควบคุมการผลิตบาง ประเภท โดยเฉพาะการผลิตด้าน สาธารณูปโภคต่างๆ
หรืออาจกล่าวได้ว่า ประชาชนมีเสรีภาพทางเศรษฐกิจน้อยที่สุดใน 3 ประเภทที่กล่าวมา
ลักษณะสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ได้แก่
- รัฐบาลควบคุมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ
- ไม่มีการแข่งขันของตลาด
- รัฐบาลเป็นผู้วางแผนการผลิต
ข้อดี ของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม คือ สร้างความเท่าเทียมทางด้านรายได้ของบุคคลในสังคม
- ประชาชนได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียมกัน
- ประชาชนมีรายได้ใกล้เคียงกัน เศรษฐกิจไม่ค่อยผันแปรขึ้นลงมากนัก
- สามารถ กำหนดนโยบายเป้าหมายตามที่รัฐบาลต้องการได้
ข้อเสีย ของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม คือ เศรษฐกิจของประเทศอาจเผชิญวิกฤติปัญหา ถ้าหากรัฐกำหนดความต้องการและนโยบายผิดพลาด
- ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทำงาน เนื่องจากไม่ได้รับค่าตอบแทนตามความสามารถของตนเอง
- ประชาชนไม่มีเสรีภาพในการบริโภคสินค้า และบริการ
- สินค้าและบริการที่ด้อยคุณภาพกว่า เมื่อเทียบกับระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
ทุนนิยม
ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไป หรือเอกชนมีสิทธิในการตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามความสามารถและโอกาสของตน โดยอาศัยตลาดและกลไกราคา โดยรัฐหรือเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมีบทบาทเกี่ยวข้องน้อยมาก
ลักษณะสำคัญของ ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ได้แก่
- ทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตเป็นของเอกชน
- เอกชนเป็นผู้ดาเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยผ่านกลไกราคา และมีกำไรเป็น แรงจูงใจ
- มีการแข่งขันเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจ
- รัฐไม่เข้าแทรกแซงทางเศรษฐกิจ มีบทบาทเพียงการรักษาความสงบเรียบร้อย และความยุติธรรม
ระบบเศรษฐกิจแบบทุนิยม มีเสรีภาพในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากที่สุด
ข้อดี ของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
คือ ประชาชนสามารถใช้ความรู้ความสามารถ โอกาส ความคิดริเริ่ม ของตนในการผลิตหรือ ประกอบการได้อย่างอิสระ
- ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพในการเลือกซื้อสินค้าและ บริการต่างๆ
- เศรษฐกิจมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
- สินค้ามีคุณภาพ ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลาย
ข้อเสีย ของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
คือ จากความสามารถและโอกาสของบุคคลที่แตกต่างกัน ทำให้มีระดับรายได้แตกต่างกัน
- มีการใช้ทรัพยากรมากมาย จนก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
- สินค้า หรือบริการบางอย่างจะเป็นไปตามกลไกราคา หากสินค้า หรือบริการนั้นเป็นปัจจัยการผลิต จะส่งผลให้ปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ ต่อกันเป็นทอดๆ เช่น น้ำมัน เป็นต้น

แบบผสม
ระบบเศรษฐกิจแบบผสม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่ผสมระหว่างระบบทุนนิยมและ สังคมนิยมเข้าไว้ด้วยกัน ระบบเศรษฐกิจแบบผสม เป็นระบบเศรษฐกิจที่ทั้งรัฐบาลและเอกชน รับผิดชอบร่วมกันในการตัดสินใจ เกี่ยวกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ได้แก่ จะผลิตอะไร ในปริมาณเท่าใด ผลิตอย่างไร และแบ่งปันผลผลิต ในหมู่สมาชิกของสังคมอย่างไร ระบบนี้รัฐบาล จะเข้ามามีบทบาทในการวางแผนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประการ ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้ เอกชนดาเนินการทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ โดยอาศัยกลไกราคาเป็นเครื่องนำทาง
ลักษณะที่สาคัญของระบบเศรษฐกิจแบบผสม มีดังนี้
- เอกชนและรัฐบาลมีส่วนร่วมกันในการวางแผนเศรษฐกิจของประเทศว่าจะเป็นการผลิตสินค้าและ บริการอะไร ปริมาณมากน้อยเท่าใด และการกระจายสินค้าและบริการที่ผลิต ได้ไปสู่ใครอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการร่วมมือกันทั้งภาคเอกชนและ ภาครัฐบาล
- เอกชนและรัฐบาลสามารถจะเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิตสินค้าและบริการอย่างเสรี แต่อาจมีการ จำกัดสิทธิเสรีภาพในการผลิตสินค้าและบริการบางประเภทที่รัฐบาล พิจารณาแล้วเห็นว่าหากปล่อยให้ เอกชนดำเนินงานอาจไม่ปลอดภัยต่อความมั่นคงของ ชาติ หรือเอกชนอยู่ในฐานะที่เหมาะสมซึ่งจะดำเนินงานได้ เพราะอาจจะขาดแคลนเงินทุนขาดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ กิจกรรมดังกล่าวนี้ เช่น กิจกรรมสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การรักษาความปลอดภัย การป้องกันประเทศ เป็นต้น
- กลไกราคายังเป็นสิ่งที่สาคัญในการกำหนดราคาสินค้าและบริการต่างๆ ในระบบ เศรษฐกิจแบบผสมนี้ แต่รัฐบาลยังมีอานาจในการเข้าไปแทรกแซงภาคเอกชนเพื่อกำหนด ราคาสินค้าให้มีเสถียรภาพและเกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
- รัฐจะคอยให้ความคุ้มครองและความช่วยเหลือ ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่ ผู้ประกอบการใน ภาคเอกชนด้วยการสร้างพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การสร้างถนน สะพาน สนามบิน ฯลฯ ไว้คอย อำนวยประโยชน์ต่อเอกชนในการดำเนินธุรกิจ
ประชาชนจะได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
ข้อดี ของระบบเศรษฐกิจแบบผสม
เป็นการยกฐานะของคนในสังคมให้เท่าเทียมกัน
- รายได้ถูกนำมาเฉลี่ยให้ผู้ทางานตามกำลังงานที่ได้กระทา ไม่ใช่ตามความจำเป็น ประสิทธิภาพในการทำงานจึงดีกว่า
- เอกชนยังมีบทบาททางเศรษฐกิจ มีการแข่งขัน สินค้าจึงมีคุณภาพสูง
- ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกสินค้าได้มากพอสมควร
- ความไม่เท่าเทียมในรายได้ และทรัพย์สินมีน้อย
ข้อเสียระบบเศรษฐกิจแบบผสม ระบบนี้มีการวางแผนเพียงบางส่วน จึงอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในกรณีที่ ต้องการเร่งรัด พัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เช่น ยามสงคราม
- การวางแผนจากส่วนกลางเพื่อประสานประโยชน์ของรัฐบาลเข้ากับเอกชนให้เกิดผลดีแก่ ส่วนรวม อย่างแท้จริงทำได้ยาก
- นักธุรกิจขาดความมั่นใจในการลงทุน เพราะไม่แน่ใจว่าในอนาคตกิจกรรมของตนจะถูกโอนเป็นของรัฐหรือไม่
- การบริหารงานอุตสาหกรรมของรัฐมีประสิทธิภาพไม่ดีไปกว่าสมัยที่อยู่ในมือของเอกชน

โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล